เตือนคนไทยค่าไฟแพงยันปีหน้า ย้ำทุกคนต้องช่วยกันประหยัด

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 66 จะทรงตัวระดับสูงต่อไป เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงหลัก โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ผันแปรตามราคาน้ำมัน ขณะที่ไทยต้องพึ่งพาก๊าซแอลเอ็นจีนำเข้าถึง 20% ที่มีราคาสูงมาก หากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังยืดเยื้อต่อเนื่อง จะยิ่งทำให้ราคาก๊าซแอลเอ็นจีมีแนวโน้มแพงมาก เช่น หากราคาก๊าซแอลเอ็นจีอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เมื่อเทียบเป็นหน่วยค่าไฟฟ้าจองไทย จะสูงถึงกว่า 13.30 บาทต่อหน่วย ดังนั้น หากผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัด หรือใช้ไฟฟ้าให้น้อยลงมากที่สุด จะทำให้ใช้ก๊าซแอลเอ็นจีน้อยลงต้นทุนค่าไฟฟ้าก็จะต่ำลง

“การบริหารต้นทุนค่าไฟฟ้า กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแผนเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ทั้งใช้ดีเซลทดแทนแอลเอ็นจีที่แพงกว่า ยืดอายุโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ และ กฟผ.ได้สั่งจ่ายจากโรงไฟฟ้าต้นทุนที่ต่ำที่สุดก่อน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พร้อมปรับระบบไฟฟ้ารองรับพลังงานทดแทนที่จะเข้าระบบมากขึ้นให้มั่นคง ได้จัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้ามีความทันสมัย ยืดหยุ่น นำพลังงานหมุนเวียนมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ”คำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด

สำหรับการจัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้ามีความทันสมัย ยืดหยุ่น กฟผ.ได้ดำเนินการหลายรูปแบบ ได้แก่ ระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (บีอีเอสเอส) ที่เชื่อมต่อกับระบบส่งไฟฟ้า หรือกริด สเกล นำร่องใช้งานที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี กำลังผลิตไฟฟ้า 21 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิตไฟฟ้า 16 เมกะวัตต์-ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 37 เมกะวัตต์-ชั่วโมง มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ตอบสนองต่อระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะจ่ายกำลังไฟฟ้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 200 มิลลิวินาที หรือไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า 

ทั้งนี้ กฟผ. เลือกพื้นที่นำร่องติดตั้งบีอีเอสเอส ในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ที่เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจำนวนมาก จึงมีความผันผวนค่อนข้างสูง บีอีเอสเอส จะทำหน้าที่กักเก็บพลังงานในช่วงที่ระบบมีความต้องการไฟฟ้าต่ำ และจ่ายไฟฟ้าคืนสู่ระบบเพื่อชดเชยกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนในช่วงบ่าย ลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดในช่วงหัวค่ำและลดความหนาแน่นของสายส่งกำลังไฟฟ้า โดยแบตเตอรี่ที่นำมาใช้ในบีเอสเอสเอส เป็นแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน ซึ่งสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากในพื้นที่จำกัด อีกทั้งสามารถจ่ายไฟและชาร์จไฟได้เร็ว โดยออกแบบให้มีอายุการใช้งานได้นานถึง 15 ปีคำพูดจาก ทดลองสล็อต pg

“เราศึกษานำร่องบีอีเอสเอส เพื่อเตรียมคน เตรียมนวัตกรรมให้ พร้อมรับอนาคต ในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งในขณะนี้ราคาแบตฯยังสูง 400-450 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ใน 5 ปีข้างหน้า ราคาจะลดลงเหลือ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง คาดว่า ช่วงนั้นจะเหมาะสมในการลงทุนเชิงพาณิชย์ และจะเป็นหนึ่งในแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทย” 

นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานด้วยพลังน้ำขนาดใหญ่สำหรับระบบไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำที่สุด และเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีศักยภาพในการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้อย่างรวดเร็ว โดยจะนำพลังงานไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยสูบน้ำจากเขื่อนด้านล่างขึ้นไปกักเก็บไว้ยังอ่างพักน้ำตอนบน เมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงหรือไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนไม่เสถียรก็สามารถปล่อยน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากลับลงมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทันที โดยปัจจุบันประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับทั้งสิ้น 3 แห่ง รวมกำลังผลิต 1,531 เมกะวัตต์ (MW) ได้แก่ โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ 

ทั้งนี้ กฟผ. มีแผนดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิต 801 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา คาดว่า จะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในปี 78